ALLWELL สานต่อปณิธานแห่งการให้ ร่วมแบ่งปันสุขผ่าน ‘ปัญญาปันสุข’ ต่อเนื่องปีที่ 5

         ALLWELL ยังคงร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือสังคม ผ่านการสนับสนุนรายการ “ปัญญาปันสุข” อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน (2568) โดยมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์และสิ่งของจำเป็นแก่ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่ขาดแคลน สะท้อนถึงเจตนารมณ์ของ ALLWELL ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ตอกย้ำแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ไม่เพียงให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้า แต่ยังมุ่งมั่นสร้างคุณค่ากลับคืนสู่สังคมด้วยหัวใจแห่งการให้

วันที่ 28 มกราคม 2568 : น้องเฟรช - น้องปุณ

         น้องเฟรซและน้องปุณ สองพี่น้องที่ต้องเผชิญชะตากรรมอันหนักหนาตั้งแต่วัยเด็ก หลังจากพ่อแม่จากไป พวกเขาเติบโตขึ้นมาภายใต้การดูแลของคุณตาคุณยายที่เลี้ยงดูหลานถึงสี่คน แม้จะมีภาระหนัก แต่ทั้งสองคนก็มีความรักและผูกพันกับตายายเสมือนเป็นพ่อแม่แท้ ๆ เคราะห์ร้ายคุณตาล้มป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ส่งผลให้คุณยายต้องกลายเป็นเสาหลักของครอบครัว แต่ภาระก็ยิ่งทวีคูณเมื่อต้องกู้เงินเพื่อรักษาคุณตา น้องเฟรซและน้องปุณจึงต้องช่วยเหลือทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ตั้งแต่วัยอนุบาล

         ต่อมาคุณยายประสบอุบัติเหตุถูกรถชน ได้รับบาดเจ็บที่สะโพกอย่างรุนแรง ต้องเย็บกว่า 50 เข็ม ทำให้ปัจจุบันยังคงมีอาการเจ็บปวดขณะทำงาน แต่ด้วยความจำเป็นต้องหาเลี้ยงหลาน คุณยายจึงยังคงอดทนทำงานต่อไป สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้นเมื่อเกิดวิกฤตโควิด-19 ครอบครัวต้องสูญเสียรายได้ จนถึงขั้นต้องอาศัยอาหารจากวัดเพื่อประทังชีวิต อย่างไรก็ตาม น้องเฟรซและน้องปุณยังคงทำงานทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระ

         ด้วยเหตุนี้ ALLWELL จึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือครอบครัวของน้องเฟรซและน้องปุณ ด้วยการมอบอุปกรณ์ดูแลสุขภาพเพื่อบรรเทาความยากลำบาก ได้แก่

  • อุปกรณ์พยุงร่างกายนำเข้าจากญี่ปุ่น เพื่อช่วยลดอาการเจ็บปวดของคุณยายจากการทำงานหนัก
  • โลชั่นออร์แกนิก ช่วยบำรุงผิวจากความแห้ง แตก และคัน โดยมีความอ่อนโยน ปลอดภัย สามารถใช้ได้ทั้งคุณยายและหลาน ๆ
  • ทิชชู่เปียกออร์แกนิก สำหรับทำความสะอาดทั้งร่างกายและสิ่งของ อีกทั้งยังสามารถย่อยสลายได้ ไม่ก่อให้เกิดขยะตกค้าง

         ALLWELL เชื่อมั่นว่าการดูแลกันและกันคือหัวใจสำคัญของสังคม และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความช่วยเหลือนี้จะเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้กับครอบครัวของน้องเฟรซและน้องปุณในการก้าวผ่านทุกอุปสรรคต่อไป

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 : ป้าหนูเล็ก

         คุณป้าหนูเล็ก ลืมตาดูโลกมาพร้อมกับร่างกายที่แตกต่าง มีเพียงครึ่งท่อนและแขนซ้ายเพียงข้างเดียว แต่สิ่งที่ป้าหนูเล็กได้รับมาเต็มเปี่ยมคือความรักและกำลังใจจากครอบครัว ซึ่งคอยสนับสนุนให้สามารถดูแลตนเองได้อย่างเข้มแข็ง

         แม้ร่างกายจะเป็นข้อจำกัด แต่หัวใจของป้าหนูเล็กไม่เคยยอมแพ้ มุ่งมั่นทำงานบ้าน ดูแลคนในครอบครัวมาตั้งแต่วัยเยาว์ ก่อนพัฒนาตนเองจนสามารถประกอบอาชีพค้าขาย ด้วยสองมือและหัวใจที่มุ่งมั่น เมื่อพี่สาวจากไป ป้ายังคงก้าวเดินต่อด้วยพลังแห่งความรัก รับภาระดูแลหลานจนเรียนจบปริญญา แม้ต้องใช้ชีวิตอย่างลำบาก กินข้าววัดอยู่นานถึง 3 ปี แต่ป้าหนูเล็กก็ไม่เคยย่อท้อ ใช้ฝีมือทำกล้วยทอดขายจนเป็นที่ถูกใจลูกค้า และยังแบ่งปันความรู้ ถ่ายทอดวิชาให้ชุมชนได้นำไปต่อยอดสร้างรายได้

         แต่ชีวิตก็ยังคงทดสอบหัวใจที่แกร่งกล้า เมื่อป้าหนูเล็กพบว่า ตนเองมีเนื้องอกในมดลูก แต่ยอมอดทนต่อความเจ็บปวดมาเป็นเวลาหลายปี เพียงเพราะไม่ต้องการเป็นภาระของใคร แม้เคราะห์กรรมจะซ้ำเติม แต่หัวใจของท่านไม่เคยอ่อนแอ ยังคงสู้ทำงานหาเลี้ยงชีพอย่างไม่ย่อท้อ

         ALLWELL ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อกำลังใจให้กับคุณป้าผู้เปี่ยมด้วยพลังชีวิต ด้วยการมอบ รถเข็นวีลแชร์ไฟฟ้า เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนไหว ให้ป้าหนูเล็กสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างคล่องตัว ไม่ต้องพึ่งพาใคร และยังคงใช้ชีวิตด้วยพลังใจอันเข้มแข็งต่อไป

วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 : คุณตั้ม

         ชีวิตของคุณตั้มต้องเผชิญกับบททดสอบอันหนักหน่วง ตั้งแต่วัยเยาว์เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ต้องเก็บขยะขาย เขาเลือกเสียสละอนาคตของตนเองเพื่อครอบครัว ยอมลาออกจากโรงเรียนเพื่อให้น้องสาวได้เรียนต่อ แต่แล้วชีวิตก็พลิกผัน อุบัติเหตุทางรถยนต์พรากการเคลื่อนไหวของเขาไปอย่างสิ้นเชิง คุณตั้มกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ความรู้สึกสิ้นหวังถาโถม จนถึงขั้นคิดจบชีวิตตัวเองถึงสองครั้ง 

         ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุด ผู้เป็นแม่คือแสงสว่างเดียวที่ฉายเข้ามา ท่านอยู่เคียงข้าง คอยให้กำลังใจ และช่วยทำกายภาพบำบัดทุกวัน จนในที่สุดคุณตั้มสามารถนั่งทรงตัวได้อีกครั้ง จึงหันมาช่วยเหลือครอบครัว ทำงานรับจ้างลับมีดกรีดยาง ช่วยแม่แยกขยะขาย หาเงินรักษาพ่อที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งจนหมดตัว 

         บททดสอบชีวิตยังไม่จบเพียงเท่านั้น น้องสาวทอดทิ้งลูกไว้ให้เลี้ยง ทั้งที่ตัวเองยังลำบากถึงขั้นไม่มีเงินซื้อข้าวกิน สุดท้ายเขาต้องตัดสินใจขายรถกระบะคันสุดท้ายที่เคยใช้เก็บของเก่าเพื่อประทังชีวิตทั้งครอบครัว

         ถึงแม้เดินไม่ได้ แต่คุณตั้มยังมีหัวใจนักสู้ เขาตัดสินใจกู้เงินมาลงทุนเลี้ยงไก่ หวังสร้างอาชีพเลี้ยงตัวเองและครอบครัว แต่เคราะห์กรรมก็ซ้ำเติม น้ำท่วมพัดพาความหวังไปพร้อมกับชีวิตไก่ทั้งเล้า พ่อที่ป่วยทรุดหนักจนต้องใช้เงินรักษาจนหมดตัว ขณะที่แม่กลายเป็นเสาหลักเพียงหนึ่งเดียว ต้องขี่รถพ่วงตระเวนเก็บขยะหาเงิน

         ALLWELL ขอร่วมเป็นกำลังใจให้กับคุณตั้ม ด้วยการมอบ รถเข็นวีลแชร์ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน พร้อมมอบที่นอนโฟมป้องกันแผลกดทับ ที่จะช่วยดูแลและป้องกันแผลกดทับภาวะร้ายที่นำมาซึ่งโรคแทรกซ้อนและค่าใช้จ่ายมากมาย ALLWELL ขอให้ชื่นชมหัวใจที่เข้มแข็งของคุณตั้ม และให้กำลังในการเดินหน้าต่อไป

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 : น้องนนท์

         น้องนนท์ เด็กชายวัย 11 ปี ผู้ไม่เคยได้สัมผัสอ้อมกอดของพ่อแม่ ถูกทิ้งตั้งแต่เกิดให้ตาและยายเลี้ยงดู ทำให้ทั้งสองต้องตรากตรำทำงานหนัก รายได้ไม่เคยพอ ทั้งครอบครัวต้องอยู่ในบ้านเก่าที่ผุพัง ไม่มีเงินซ่อม ไม่มีแม้แต่ข้าวให้กินอิ่ม น้องนนท์เติบโตขึ้นท่ามกลางความลำบาก อดมื้อกินมื้อ ต้องคุ้ยขยะเก็บของกินประทังชีวิต ขอข้าวเหลือจากโรงเรียนกลับบ้านเพื่อแบ่งให้ตากับยาย

         แล้วโชคชะตาก็เล่นตลกอีกครั้ง คุณตาประสบอุบัติเหตุจนทำงานต่อไม่ได้และถูกไล่ออก สูญเสียรายได้หลักของครอบครัว น้องนนท์ต้องลุกขึ้นมาช่วยแบกผ้าไปส่งเช้าเย็น แม้ยังเป็นแค่เด็กแต่ชีวิตก็ยังไม่หยุดทดสอบหัวใจดวงนี้

         ต่อมาคุณยายล้มป่วยหนัก ติดเชื้อในกระแสเลือด ต้องนอน ICU ในขณะนั้น น้องนนท์อายุเพียง 8 ขวบ กลับกลายเป็นเสาหลักเพียงคนเดียวในบ้าน รับจ้างทุกอย่างเพื่อหาเงินรักษายาย ทั้งล้างจาน เสิร์ฟอาหาร รับของมาขาย เคราะห์หนัก ร้านค้าที่เคยช่วยเหลือปิดกิจการ รายได้ทั้งหมดหายไป ครอบครัวต้องค้างค่าเช่าบ้านหลายเดือน จนใกล้ถูกไล่ออก ไม่มีแม้ที่ซุกหัวนอน

         ALLWELL ขอร่วมส่งต่อกำลังใจให้กับครอบครัวน้องนนท์ ด้วยการมอบ รถเข็นวีลแชร์ล้อใหญ่ ให้คุณยาย เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน ให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่เลี้ยงหลานมาด้วยหัวใจ ยังสามารถใช้ชีวิตต่อได้อย่างมีความสุข และให้หัวใจเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ของน้องนนท์ยังมีแรงสู้ต่อไป

วันที่ 4 มีนาคม 2568 : น้องผิงผิง

         น้องผิงผิง เติบโตมาด้วยแรงบันดาลใจจากคุณพ่อ ผู้ป่วยเป็นโรคโปลิโอ แต่ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา พ่อของเธอฝ่าฟันทุกอุปสรรคด้วยหัวใจนักสู้ จนกลายเป็นนักกีฬาทีมชาติไทยในระดับอาเซียนพาราเกมส์ แต่แล้วคุณพ่อต้องเผชิญกับโรคร้ายหลายชนิด แต่กลับละเลยการรักษา เพื่อไม่ให้กระทบการแข่งขัน หวังนำรายได้จากสนามกีฬากลับมาเลี้ยงดูครอบครัว สุดท้าย หัวใจที่เสียสละมาตลอด หยุดเต้นกลางสนามแข่งขัน เขาน็อกหมดสติ และกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงในที่สุด

         แม้คุณแม่จะลุกขึ้นมารับหน้าที่แทน แต่โชคชะตากลับโหดร้ายซ้ำสอง แม่ตรวจพบมะเร็งเต้านม และต้องเข้ารับการผ่าตัดจนไม่สามารถทำงานหนักได้ ครอบครัวนี้จึงตกอยู่ในภาวะไร้รายได้ น้องผิงผิง แม้จะเป็นเด็กเรียนดี มีอนาคตสดใสรออยู่ แต่เธอต้องตัดสินใจ ลาออกจากโรงเรียนเพื่อทำงานรับจ้างทุกอย่าง หาเงินเลี้ยงครอบครัว ดูแลพ่อที่ติดเตียง และแม่ที่อ่อนแรงลงทุกวัน

         ALLWELL ขอร่วมเป็นแรงสนับสนุน ด้วยการมอบ ที่นอนโฟมป้องกันแผลกดทับ ให้กับคุณพ่อของน้องผิงผิง เพื่อบรรเทาอาการแผลกดทับจากการนอนติดเตียง และลดภาระในการดูแลลง ให้หัวใจดวงน้อยที่แบกทุกอย่างไว้บนบ่า ได้มีเวลาพักมากขึ้น และเพื่อให้ฮีโร่ของเธอยังได้รู้ว่า ความรักและแรงใจของเขา ไม่ได้สูญเปล่า

วันที่ 10 มีนาคม 2568 : แม่แป้น

         แม่แป้น ผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ที่เคยเผชิญกับความผิดหวังในชีวิตคู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากความรักที่เริ่มต้นด้วยคำหลอกลวง ว่าไม่มีครอบครัว จนเกือบตัดสินใจทำแท้งด้วยความสิ้นหวัง แม้จะเข้มแข็งลุกขึ้นมาเริ่มต้นใหม่ กลับต้องเจอกับสามีที่ไม่เคยร่วมรับผิดชอบใด ๆ ทำให้เธอต้องกลายเป็นทั้งพ่อและแม่ เลี้ยงดูลูกน้อยเพียงลำพัง

         ความเครียดสะสมและความเหนื่อยล้าเรื้อรัง นำไปสู่โรคเส้นเลือดในสมองตีบ ร่างกายอ่อนแอ แต่หัวใจของแม่ไม่เคยหยุดสู้ แม่แป้นต้องฝืนลุกขึ้นมาทำงานหนัก แม้ต้องอดมื้อกินมื้อเพื่อลูก ๆ ทั้งสอง จนเคยคิดสั้น แต่ด้วยความรักแม่ของลูกทั้งสองก็ทำให้ผ่านพ้นเรื่องเลวร้ายไปได้ ซ้ำร้ายปัจจุบันแม่แป้นพบว่าตัวเองมีซีสต์ในมดลูก เธอก็ยังเลือกที่จะไม่รักษา เพราะกลัวไม่มีเงินพอให้ลูกได้กินข้าว

         ด้วยหัวใจของความเป็นแม่ผู้เสียสละ ALLWELL ขอยืนเคียงข้างแม่แป้น ด้วยการมอบชุดอุปกรณ์ดูแลสุขภาพ ได้แก่ เครื่องวัดความดัน, เครื่องวัดอุณหภูมิ และทิชชู่เปียกออร์แกนิก เพื่อให้แม่แป้นได้มีตัวช่วยดูแลสุขภาพ และไม่ต้องแบกรับทุกอย่างเพียงลำพัง เพราะเรารู้ดีว่า หัวใจของแม่ คือสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดในโลกใบนี้ ALLWELL ขอเป็นกำลังใจให้แม่แป้นยืนหยัดสู้ต่อไป

วันที่ 18 มีนาคม 2568 : ยายแจ๋ว

         คุณยายแจ๋ว วัย 80 ปี ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ควรได้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบ แต่กลับต้องพยุงร่างกายที่อ่อนล้า เกาะรถเข็นช่วยเดิน เร่ขายข้าวต้มมัดตั้งแต่เช้าจรดเย็น เพื่อหาเลี้ยงดูสามีที่ป่วยติดเตียง และลูกสาววัย 60 ปีที่ป่วยจนเดินไม่ได้ ยายแจ๋ว กลายเป็นเสาหลักของบ้าน ต้องดูแลผู้ป่วยถึงสองชีวิต โดยไม่เคยปริปากบ่น

         แม้สุขภาพของตนเองจะถดถอยลงตามวัย แต่คุณยายยังฝืนยืนหยัด ทำข้าวต้มมัดขายกับลูกสาว หารายได้ประทังชีวิตด้วยสองมือที่ไม่เคยยอมแพ้ โชคดีที่เพื่อนบ้านน่ารัก คอยช่วยเหลือและอุดหนุนอยู่เสมอ แต่โชคร้ายก็ไม่เคยห่าง เมื่อลูกสาวเกิดแผลกดทับรุนแรงจนติดเชื้อ ต้องเข้ารับการผ่าตัด ทำให้ชีวิตที่ยากอยู่แล้ว ยิ่งลำบากกว่าเดิม

         ALLWELL ขอร่วมแบ่งเบาภาระของคุณยายแจ๋ว ด้วยการมอบ รถเข็นวีลแชร์ไฟฟ้า ALLWELL ให้ลูกสาวของคุณยาย เพื่อให้สามารถเคลื่อนไหวและดำเนินชีวิตได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น พร้อมมอบ รถเข็นช่วยเดินรุ่น Walk A ให้คุณยายแจ๋ว เพื่อเป็นอีกหนึ่งแรงพยุงที่ทำให้แม่คนหนึ่ง ยังคงยืนหยัดต่อไปได้ เพราะในวันที่ทั้งบ้านไม่มีใครลุกไหว หัวใจของ “แม่” ยังลุกขึ้นได้เสมอ

วันที่ 24 มีนาคม 2568 : น้องสุเทพ- น้องใบเตย

         น้องสุเทพ วัย 15 ปี และน้องใบเตย วัย 14 ปี และน้องๆ อีกสองคน ที่ต้องเติบโตขึ้นท่ามกลางความรุนแรงและความเจ็บปวดในครอบครัวจากพ่อผู้ติดสุรา พ่อป่วยหนักด้วยโรคตับแข็งจนทำงานไม่ได้ แม่ผู้กลายเป็นเสาหลักก็จมอยู่ในความเครียดจนหันมาใช้เหล้าเป็นที่พึ่งอีกคน ไม่นานเมื่อพ่อจากไป น้องสุเทพและน้องเตยกลับลุกขึ้นยืนด้วยหัวใจเข้มแข็ง เริ่มรับจ้าง ขายของ หาเลี้ยงครอบครัวแทนแม่ แต่แม่ผู้ติดสุราหนัก ได้กระเพาะทะลุและจากโลกนี้ไปอีกคน

         แม้หัวใจจะเจ็บปวดเกินวัย แต่น้องสุเทพและน้องใบเตยก็ยังเดินหน้าสู้ ดูแลน้อง ๆ อีกสองคนที่เหลืออยู่ และหาทางประคับประคองชีวิตด้วยความไม่ยอมแพ้ โดยมีคุณยายวัย 70 ที่คอยช่วยเหลือ และโชคดีที่มีผู้ใหญ่ใจดีสอนการทำโรตี จึงได้ประกอบอาชีพขายโรตีจนเลี้ยงชีพได้ แต่คุณยายเองก็เริ่มป่วยด้วยโรคเรื้อรังหลายอย่าง ทำให้น้อง ๆ ต้องเข้มแข็งขึ้นอีกเท่าตัว เพื่อดูแลหลายชีวิตในบ้าน

         ALLWELL ขอมอบอุปกรณ์ดูแลสุขภาพ อาทิ เครื่องวัดความดัน ปรอทวัดไข้ และทิชชู่เปียกออร์แกนิก เพื่อเป็นกำลังใจเล็ก ๆ และแทนความห่วงใยในสุขภาพ ที่ช่วยให้พวกเขาดูแลกันและกันได้ดีขึ้นในทุกวัน

วันที่ 1 เมษายน 2568 : แม่เอ๋

         ตั้งแต่เด็กชีวิตของแม่เอ๋เต็มไปด้วยความลำบาก พ่อแม่ยากจนและแยกทางกันตั้งแต่เด็ก เด็กหญิงคนหนึ่งต้องเติบโตมาอย่างไร้ที่พึ่งพิง แต่เธอก็พยายามดิ้นรนส่งตัวเองเรียนจนจบ ปวช. เมื่อเติบโตขึ้น แม่เอ๋มีครอบครัวเล็ก ๆ ที่อบอุ่น และมีลูกสาวหนึ่งคนที่เป็นดังแสงสว่างของชีวิต แต่แล้วแสงนั้นก็ดับลง เมื่อลูกสาวเสียชีวิตด้วยโรคไข้เลือดออก เหลือเพียงความว่างเปล่าและหัวใจที่แตกสลาย จนเกือบจะจบชีวิตตามลูกไป โชคดีที่แม่ของเธอช่วยยื้อเธอกลับมาได้ทันเวลา

         เธอลุกขึ้นสู้อีกครั้ง พยายามสร้างชีวิตใหม่ และมีลูกคนที่สอง แต่เคราะห์กรรมก็ยังไม่จบ เมื่อสามีถูกรถชนสาหัสจนกลายเป็นอัมพาตติดเตียง แม่เอ๋ต้องทิ้งงานเพื่อดูแลเขาอย่างใกล้ชิด และเมื่อลูกคนที่สองถูกวินิจฉัยว่าเป็นออทิสติก ความรับผิดชอบที่หนักอยู่แล้ว กลับกลายเป็นภาระที่แทบจะไม่อาจแบกไหว เธอเป็นทั้งแม่ เป็นทั้งพยาบาล และเป็นหัวหน้าครอบครัว เหนื่อยทั้งกายและปวดร้าวทั้งใจ

         แม้กระนั้น เธอก็ไม่เคยหยุดสู้ วันเวลาผ่านไป อาการของสามีเริ่มดีขึ้น เธอเริ่มมีความหวังอีกครั้ง แต่แล้วเคราะห์ร้ายก็ย้อนกลับมาอีก สามีป่วยด้วยเส้นเลือดในสมองตีบ และโรคซึมเศร้า แม่เอ๋ต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในห้วงแห่งความเจ็บปวด ขณะที่ร่างกายของเธอก็เริ่มทรุดโทรมตาม แต่ก็ไม่มีทั้งเงินและเวลาจะไปหาหมอ

         ALLWELL ขอเป็นอีกหนึ่งแรงใจ ร่วมส่งต่อความห่วงใยให้คุณแม่เอ๋ ผู้ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา แม้ต้องดูแลทั้งสามีที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง และลูกที่เป็นออทิสติก พร้อมทั้งเผชิญความทุกข์ยากในชีวิตมาอย่างยาวนาน ALLWELL ขอร่วมแบ่งเบาภาระ ด้วยการมอบ รถเข็นวีลแชร์ สำหรับสามีคุณแม่เอ๋ รวมถึงเครื่องวัดความดัน, เครื่องวัดน้ำตาลในเลือด, และ ทิชชู่เปียกออร์แกนิก เพื่อใช้ในการดูแลสุขภาพเบื้องต้นภายในบ้าน ลดภาระในการเดินทางไปโรงพยาบาล และช่วยให้ครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุกวัน

วันที่ 8 เมษายน 2568 : คุณเมย์ - คุณพร

         ตั้งแต่ลืมตาดูโลก คุณเมย์ไม่เคยรู้จักความอบอุ่นจากพ่อแม่ เพราะทั้งสองเสียชีวิตไปตั้งแต่เธอยังเล็ก เธอเติบโตมาท่ามกลางความว่างเปล่า อาศัยความรักและความเสียสละของคุณยายที่คอยเลี้ยงดู ด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา คุณเมย์ขยันทำงานทุกอย่าง ส่งตัวเองเรียนจนจบ จนได้ทำงานเป็นดีเจเสียงตามสาย และจากเสียงเพลงในอาชีพนั้นเอง เธอได้พบกับคุณพร ชายผู้ทำให้หัวใจของเธอมีชีวิตอีกครั้ง ทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงาน ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความรัก

         แต่แล้วความสุขที่เพิ่งเริ่มต้น กลับถูกพรากไปอย่างโหดร้าย เมื่อวันหนึ่งคุณเมย์ประสบอุบัติเหตุรถชน ขณะกำลังนำขนมไปส่งขาย ผลจากอุบัติเหตุนั้นทำให้เธอพิการ ขาทั้งสองข้างไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป และต้องกลายเป็นผู้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หัวใจของหญิงแกร่งแทบสลาย เธอรู้สึกหมดคุณค่า ไม่อยากเป็นภาระคนที่เธอรัก ถึงขั้นตัดสินใจจะขอไปอยู่สถานสงเคราะห์ แต่คุณพร ผู้เป็นสามีกลับจับมือเธอไว้แน่น แม้ครอบครัวของคุณพรจะคัดค้าน แต่เขาก็ยืนยันหนักแน่นว่าจะดูแลภรรยาคนนี้จนกว่าจะสิ้นชีวิต

         เขาออกไปเร่ขายของทุกวัน เพื่อหาเงินเลี้ยงดูครอบครัวเล็กๆ ที่มีเพียงรักแท้เป็นเสบียง ในขณะที่คุณเมย์ แม้จะเคยคิดจบชีวิต แต่กลับเปลี่ยนความสิ้นหวังให้เป็นพลัง ด้วยหัวใจที่ได้รับการเยียวยาจากคนที่เธอรักที่สุด จากชีวิตที่เคยหมดหวัง วันนี้คุณเมย์และคุณพรได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายคน

         ALLWELL ขอร่วมส่งต่อกำลังใจให้ชีวิตคู่อันงดงามของคุณเมย์และคุณพร ด้วยการมอบรถเข็นวีลแชร์น้ำหนักเบา พับเก็บพกพาง่าย รุ่น MoveD1 พร้อมรถเข็นอาบน้ำและนั่งถ่าย รุ่น Moem จากสเปน และอุปกรณ์ดูแลสุขภาพ ได้แก่ เครื่องวัดน้ำตาลในเลือด GlucoAll-1B ทิชชู่เปียกออร์แกนิก อ่อนโยน ปลอดภัย เพื่อให้คุณเมย์และคุณพรสามารถดูแลสุขภาพกันเองได้ที่บ้าน เพราะความรักที่แท้…คือการดูแลกันทุกวัน

วันที่ 22 เมษายน 2568 : แม่รัศมี

         คุณแม่รัศมี อายุ 53 ปี ผู้หญิงแกร่งที่ชีวิตลำบากมาตั้งแต่ลืมตาดูโลก เติบโตในเพิงเล็กใต้สะพาน ต้องคุ้ยขยะประทังชีวิต ไม่เคยได้เรียนหนังสือ และต้องออกทำงานเลี้ยงชีพตั้งแต่เด็กเพียงลำพัง เมื่ออายุ 15 ปี ต้องสูญเสียพ่อแม่ไป ชีวิตที่ไร้ที่พึ่งพิง ทำให้ถูกหลอกใช้ในทางที่ผิด จำใจเข้าสู่เส้นทางขายบริการ เพื่อหาเงินเลี้ยงดูน้อง แม้ทุกก้าวจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่เธอก็ยืนหยัดทำหน้าที่พี่สาว ดูแลน้องที่ป่วย และส่งอีกคนเรียนจนจบ

         ชีวิตคุณรัศมีเริ่มเปลี่ยน เมื่อพบชายผู้เห็นค่าหัวใจของเธอ ทั้งคู่ช่วยกันเก็บขยะขาย สร้างครอบครัวเล็ก ๆ และมีลูกด้วยกัน 3 คน แต่ความสุขก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะสามีป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ไม่มีเงินรักษา และจากไป ไม่มีแม้แต่เงินทำศพ แม่รัศมีต้องเลี้ยงลูก 3 คนเพียงลำพัง สุดท้ายต้องจำใจฝากลูก 2 คนให้คนอื่นดูแล เพราะต้องดูแลลูกที่เป็นดาวน์ซินโดรมและป่วยด้วยโรคลิ้นหัวใจรั่วเพียงลำพัง

         เมื่อลูกต้องผ่าตัดหัวใจ แต่ไม่มีเงินรักษา ความจนบีบคั้นจนตัดสินใจผิดพลาด หันไปขายยาเสพติด จนถูกจับและต้องพาลูกเข้าไปเลี้ยงในคุกด้วย ต่อมาเธอพบว่าตนเองป่วยเป็นมะเร็งเต้านม ต้องตัดเต้านมทิ้งทั้งสองข้าง หลังพ้นโทษ แม่รัศมีอาศัยอยู่ในกระต๊อบเล็ก ๆ ภายในวัดกับลูกสองคน และยังคงเป็นแม่ที่ไม่ยอมแพ้ เดินขายพวงมาลัยริมถนนทุกวัน เพื่อเลี้ยงดูลูก แม้ปัจจุบันเธอจะป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ จนกลายเป็นอัมพาตครึ่งซีก แต่ก็ยังยืนหยัด ไม่ยอมไปหาหมอ เพราะเธอเลือกเก็บเงินไว้ ให้ลูกได้มีโอกาสรักษาตัวก่อน

         ALLWELL ขอเป็นอีกหนึ่งแรงใจ ร่วมสนับสนุนให้ครอบครัวของคุณแม่รัศมีมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการมอบ รถเข็นวีลแชร์ สำหรับคุณแม่ พร้อมด้วย เครื่องวัดความดัน, เครื่องวัดน้ำตาลในเลือด, และทิชชู่เปียกออร์แกนิก เพื่อให้สามารถดูแลสุขภาพเบื้องต้นได้ที่บ้าน ตรวจเช็กอาการได้ทุกวัน โดยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล ลดภาระการเดินทาง และเพิ่มเวลาในการพักผ่อนทั้งของคุณแม่รัศมีและลูก

วันที่ 12 พฤษภาคม 2568 : น้องภัทร-น้องหมูตุ๋น

          น้องภัทรและน้องหมูตุ๋น คือสองพี่น้องที่เติบโตขึ้นท่ามกลางความทุกข์ยากและบททดสอบของชีวิตที่ถาโถมไม่หยุดยั้ง ครอบครัวของเขาเคยมีพร้อมหน้า 6 ชีวิต แต่เมื่อเสาหลักอย่างคุณพ่อจากไปด้วยอุบัติเหตุ และพี่สาวคนโตเสียชีวิตในเวลาต่อมา ชีวิตของพวกเขาก็ยิ่งดิ่งลึกสู่ความมืดมน คุณยายต้องหันไปขอทานเพื่อประคับประคองครอบครัว คุณแม่จมอยู่กับโรคซึมเศร้าจนคิดสั้น

         แต่ยังมีสองพี่น้องผู้ไม่เคยทอดทิ้งแม้ยามที่ตนเองยังไม่พร้อมจะรับภาระ พวกเขาเลือกที่จะเสียสละการเรียน ลุกขึ้นมาทำงานก่อสร้าง เสี่ยงชีวิตรับจ้างงานอันตราย เพียงเพื่อแลกกับเงินไม่กี่บาทในการประทังชีวิตและความหวังของคนในบ้าน ข้าวบูดก็ยังกินเพราะไม่มีทางเลือก แม้ท้ายที่สุดจะถูกไล่ออกจากบ้านเช่า แต่สองพี่น้องก็ยังยืนหยัดไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา

        ต่อมา พี่ชายคนโต ซึ่งแบกความคาดหวังของทุกคนไว้ กลับป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและหลงผิดพาตัวเองเข้าสู่เส้นทางยาเสพติด จนกลายเป็นภัยกับคนในบ้านอีกครั้ง ความเจ็บปวดสะสมในใจของผู้เป็นแม่จึงระเบิดออกมาด้วยการพยายามฆ่าตัวตายอีกหน ทว่าเธอยังรอดมาได้ เพราะหัวใจของครอบครัวดวงเล็กๆ ที่ไม่เคยยอมแพ้อย่างน้องภัทรและน้องหมูตุ๋น

         ALLWELL จึงขอร่วมเป็นแรงเล็ก ๆ ที่หยิบยื่นความห่วงใยและการดูแล ด้วยการมอบเครื่องวัดน้ำตาล เครื่องวัดความดัน กล่องใส่ยา ตลับตัดยา ทิชชู่เปียก และโลชั่นจาก Welli เพื่อช่วยเยียวยาทั้งร่างกายและใจของครอบครัวนี้ให้ก้าวต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง เพราะเราเชื่อว่า แม้ชีวิตจะโหดร้ายเพียงใด แต่ความรัก ความหวัง และน้ำใจจากกันและกัน ยังคงเป็นแสงสว่างที่ไม่มีวันดับลงในหัวใจของผู้คนที่ไม่ยอมแพ้ต่อความมืดมน

วันที่ 20 พฤษภาคม 2568 : น้องวิว

         เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ วัยเพียง 13 ปีอย่าง “น้องวิว” เติบโตมาในบ้านหลังเก่าที่ไม่เคยได้สัมผัสความสมบูรณ์พร้อมของคำว่า “ครอบครัว” พ่อไม่เคยได้เห็นหน้า ส่วนแม่ก็ทิ้งเธอไปตั้งแต่ลืมตาได้เพียงสามวัน เด็กหญิงคนหนึ่งจึงฝากความรักทั้งหมดไว้กับทวดวัย 91 ปี คุณยายวัย 61 ปี และพี่ชายที่แม้จะยังเป็นเพียงวัยรุ่น แต่ก็แบกรับภาระไว้เต็มหัวใจ

         ด้วยความยากจนจนถึงขั้นไม่มีแม้แต่นมให้ดื่ม น้องวิวเติบโตมากับ “น้ำข้าว” และความอบอุ่นจากยายที่เลี้ยงดูราวกับแม่แท้ๆ คุณยายต้องตื่นตั้งแต่ตี 3 ไปรับจ้างแบกเกลือ ก่อนจะทำงานเป็นแม่ครัวจนถึง 4 ทุ่ม เพื่อแลกกับค่าข้าวค่าชีวิตในแต่ละวัน ส่วนพี่ชายวัย 19 ยอมเสียสละลาออกจากโรงเรียน ใช้วุฒิ ม.6 ทำงานหนักเพื่อให้น้องสาวได้มีโอกาสเรียนรู้โลกในห้องเรียนบ้าง แม้ร่างกายจะอ่อนล้าจนป่วยบ่อย แต่หัวใจของเขากลับยังเข้มแข็งเพื่อคนในครอบครัว

         บ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่ก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่เป็นบ้านหลวงร้างที่ไม่มีใครอยู่อาศัย กระทั่งวันที่พายุพัดจนหลังคาทะลุ ทุกคนก็ต้องนอนตากฝนโดยไร้ทางเลือก ท่ามกลางความลำบากที่เด็กคนหนึ่งไม่ควรต้องเผชิญ แต่น้องวิวกลับเลือกจะ “ลุกขึ้นสู้” แทนที่จะยอมแพ้ เธอเริ่มหารายได้ตั้งแต่ยังเล็ก ทั้งขายผลไม้ ขี่จักรยานรับจ้างล้างจาน เสิร์ฟอาหาร ขายน้ำปั่น ลูกชิ้นทอด ไลฟ์สดขายของจิปาถะ ด้วยความหวังเล็กๆ เพียงว่าจะเรียนให้จบไวๆ เพื่อดูแลตอบแทนผู้มีพระคุณทั้งสามคนที่รักเธอมากที่สุดในโลก

         ALLWELL ขอเป็นอีกหนึ่งแรงที่ร่วมส่งต่อการดูแล ด้วยการมอบ “รถเข็นช่วยเดิน รุ่น Walk-A” ให้คุณทวดของน้องวิวใช้ในการประคองเดินและฟื้นฟูร่างกาย พร้อมมอบเครื่องวัดความดันและเครื่องวัดน้ำตาลให้ทวดและคุณยายได้ติดตามสุขภาพอย่างใกล้ชิด และเพื่อให้พี่ชายของน้องวิวที่ต้องทำงานหนักได้ดูแลร่างกายตัวเองอย่างเหมาะสม ALLWELL ยังมอบอุปกรณ์พยุงกล้ามเนื้อและข้อจาก Vantelin เพื่อบรรเทาความล้าและป้องกันการบาดเจ็บ

วันที่ 9 มิถุนายน 2568 : น้องพลอย

         น้องพลอย เด็กหญิงวัยเพียง 12 ปี ผู้ไม่เคยได้รู้จักแม้เงาของคำว่า “แม่” เติบโตมากับพ่อและคุณย่าเพียงสองคนในชีวิต พ่อจึงกลายเป็นทั้งเสาหลักของครอบครัว ขณะที่คุณย่าคือผู้หญิงที่เป็นดั่งแม่คนที่สองที่เธอรักสุดหัวใจ กระทั่งวันหนึ่งคุณย่าจากไปอย่างไม่มีวันกลับด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ทิ้งความว่างเปล่าอันเจ็บปวดไว้ในใจของเด็กหญิงตัวน้อย ไม่นานนัก พ่อซึ่งทุ่มเทแรงกายทำงานหนักจนละเลยสุขภาพของตนเอง ก็ล้มป่วยด้วยภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงเฉียบพลันขณะขับรถ กลายเป็นอัมพฤกษ์ ติดเตียง ไม่สามารถดูแลตัวเองได้อีกต่อไป

         ท่ามกลางวัยที่ควรได้เรียน เล่น และเติบโตตามวัย น้องพลอยกลับต้องดิ้นรนหาแม่ผู้ให้กำเนิดเพื่อหวังให้กลับมาช่วยดูแล แต่สิ่งที่ได้กลับมา คือการส่งคนแปลกหน้าที่กลายเป็นผู้ดูแลไร้หัวใจ ขโมยทรัพย์สินและหนีหายไป ทิ้งเด็กหญิงอายุเพียง 12 ปีไว้ให้เผชิญกับชะตากรรมลำพังอีกครั้ง

          เธอจึงตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตด้วยการลาออกจากโรงเรียน หันมาเป็นผู้ดูแลพ่อด้วยตัวเองอย่างเต็มเวลา และในช่วงเวลาที่พ่อหลับ เธอก็ไปรับจ้างช่วยงานที่ร้านข้าวแกง หวังเพียงจะได้รายได้เล็กน้อยเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวที่เหลือเพียงสองชีวิต

         ALLWELL มองเห็นถึงพลังแห่งความรักที่ยิ่งใหญ่เกินตัว และหัวใจของเด็กหญิงที่งดงามเกินวัย จึงขอมอบที่นอนโฟมป้องกันแผลกดทับ รุ่น Mercury จากประเทศอังกฤษ เพื่อให้น้องพลอยใช้ดูแลคุณพ่อจากแผลกดทับที่อาจเกิดขึ้นได้จากภาวะติดเตียง พร้อมทั้งเครื่องวัดความดัน อุปกรณ์พยุงร่างกาย และทิชชู่เปียก ซึ่งเป็นของจำเป็นที่ช่วยให้การดูแลคนที่เธอรักเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีคุณภาพยิ่งขึ้น

วันที่ 16 มิถุนายน 2568 : ลุงก้อน

คุณลุงก้อน คือบุคคลผู้ไม่เคยยอมแพ้ต่อขีดจำกัดของร่างกายและโชคชะตา แม้จะเกิดมาไร้แขนทั้งสองข้าง แต่กลับมีหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นตั้งแต่วัยเยาว์ ลุงเริ่มหัดใช้เท้าเพื่อตักข้าวเข้าปากเองตั้งแต่อายุเพียง 4 ขวบ และแม้จะอยู่ในครอบครัวที่ยากจน พ่อแม่ต้องขายก๋วยเตี๋ยหาเช้ากินค่ำ ลุงก้อนก็ยังพยายามช่วยงานบ้านด้วยเท้าเล็กๆ ของเขา เพื่อแบ่งเบาภาระที่พ่อแม่ต้องแบกไว้

เมื่อโตขึ้น ลุงก้อนใฝ่รู้ ขอพ่อแม่ให้ได้ไปเรียนหนังสือ ทั้งยังฝึกใช้เท้าเขียนจนลายมือสวยสะดุดตาครู ได้เป็นหัวหน้าห้อง และยังเก่งด้านกีฬาอย่างน่าทึ่ง ทว่าเนื่องจากฐานะที่ยากลำบาก ลุงจึงต้องหยุดการเรียนไว้เพียงแค่ชั้น ป.4 แต่แทนที่จะยอมแพ้ ลุงกลับเลือกจะพัฒนาตัวเองต่อ โดยแอบไปลักจำวิธีซ่อมจักรยานตามร้านต่างๆ จนสามารถยึดเป็นอาชีพได้ในที่สุด

ด้วยความเพียรอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ลุงก้อนสามารถขับจักรยานและมอเตอร์ไซค์ได้แม้ไร้แขน โดยอาศัยการดัดแปลงอย่างสร้างสรรค์ ทุกวันนี้ลุงประกอบอาชีพเป็นช่างซ่อมรถจักรยานยนต์อย่างเต็มภาคภูมิ มีใบรับรองฝีมือจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็นเสาหลักของครอบครัวที่เขาสร้างขึ้นจากความกล้าและความรัก

แม้จะต้องเผชิญความสูญเสียอีกครั้ง เมื่อพ่อแม่จากไปจนใจแทบสลาย แต่ลุงก้อนก็ยังยืนหยัดได้ ด้วยแรงใจจากภรรยาผู้เป็นรักแท้ที่อยู่เคียงข้างเสมอมา กระทั่งวันหนึ่ง ภรรยาป่วยเป็นมะเร็ง แต่ฐานะไม่เอื้ออำนวยต่อการรักษา ลุงก้อนจึงลุกขึ้นมาทำงานเพิ่ม รับจ้างตัดหญ้าเพื่อนำเงินมาดูแลคนที่รักอย่างสุดหัวใจ

ALLWELL ขอน้อมส่งมอบกำลังใจและการดูแลด้วยความเคารพในหัวใจอันแกร่งกล้าของลุงก้อนและภรรยา ผ่านชุดอุปกรณ์ดูแลสุขภาพ ได้แก่ เครื่องวัดความดันโลหิต เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด และทิชชู่เปียก เพื่อให้ทั้งคู่สามารถติดตามสุขภาพได้อย่างใกล้ชิด และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุกๆ วัน

วันที่ 23 มิถุนายน 2568 : น้องเบญ

น้องเบญ เด็กหญิงวัย 14 ปี คือผลลัพธ์ของความรักและความตั้งใจจากพ่อแม่ที่เฝ้ารอการมีลูกอย่างเต็มหัวใจ ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลกร้ายก่อนที่เธอจะได้ลืมตาดูโลก — คุณพ่อผู้เป็นเสาหลักของบ้านประสบอุบัติเหตุพลัดตกจากชั้นสอง กระดูกและเส้นประสาทได้รับความเสียหายจนเดินไม่ได้ไปตลอดชีวิต เงินออมที่เตรียมไว้เพื่อลูกต้องหมดไปกับค่ารักษา ข้าวของในบ้านค่อยๆ ถูกขายจนเกลี้ยง และครอบครัวที่เคยพร้อมก็กลายเป็นหนี้สินรุงรัง น้องเบญเกิดมาในห้วงเวลาที่บ้านเต็มไปด้วยความยากลำบาก แต่กลับเป็นดั่งแสงสว่างที่ยังคงปลุกพลังชีวิตในใจพ่อแม่ให้ลุกขึ้นยืนหยัดต่อไป

คุณแม่ผู้เสียสละ ฟื้นตัวจากการคลอดอย่างรวดเร็วเพื่อออกไปทำงานทำความสะอาดโดยมีลูกน้อยกระเตงไปด้วยทุกที่ แม้ภายหลังจะประสบอุบัติเหตุรถชนจนข้อมือหักและข้อเข่าเสื่อม ทำให้ไม่สามารถทำงานหนักได้อีก ก็ยังไม่ยอมแพ้ต่อชีวิต ด้านคุณพ่อที่กลายเป็นผู้พิการ กดดันตัวเองว่าเป็นภาระ จนเคยคิดจะจบชีวิต แต่เพราะรักจากภรรยาและลูกสาวเพียงคนเดียว ทำให้เขากลับมายืนหยัดอีกครั้ง หันมานั่งรับจ้างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า แม้จะต้องนั่งจนเป็นแผลกดทับ ก็ไม่ยอมหยุดหาเลี้ยงครอบครัว

วันนี้คุณแม่ของน้องเบญเลือกหันมาทำอาหารขายหน้าบ้าน แม้กำลังกายจะไม่แข็งแรง แต่หัวใจยังแน่วแน่เพื่อครอบครัว ในขณะที่น้องเบญเองก็ไม่ได้ปล่อยให้พ่อแม่เผชิญความลำบากลำพัง เธอช่วยดูแลพ่อ ทำงานบ้าน และยังหาทางแบ่งเบาภาระครอบครัวโดยแอบไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านก๋วยเตี๋ยว และหาวัสดุมาร้อยกำไลขายเพื่อนที่โรงเรียน ด้วยหัวใจที่ทั้งกตัญญูและเด็ดเดี่ยวเกินวัย

ALLWELL ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งกำลังใจและสนับสนุนคุณภาพชีวิตของครอบครัวนี้ ด้วยการมอบ ที่นอนโฟมป้องกันแผลกดทับและเบาะรองนั่งกันแผลกดทับ จากประเทศอังกฤษ ให้คุณพ่อได้นั่งทำงานและพักผ่อนโดยไม่เกิดบาดแผลซ้ำเติม พร้อมทั้งมอบ รถเข็นวีลแชร์ และ อุปกรณ์พยุงร่างกายสำหรับคุณแม่ เพื่อช่วยซัปพอร์ตร่างกายในขณะประกอบอาชีพ

วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 : ยายสงวน - น้องพอใจ

คุณยายสงวน คือหญิงแกร่งผู้แบกรับความทุกข์ทับซ้อนมาหลายสิบปี ด้วยหัวใจที่ไม่เคยยอมจำนนต่อโชคชะตา เดิมทีเธอมีครอบครัวธรรมดา ลูก 4 คนที่คลอดออกมาอย่างแข็งแรงสมบูรณ์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลับพบว่าลูกคนโตในวัยเพียง 13 ปี ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงซึ่งไม่สามารถรักษาให้หายได้ และที่โหดร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือ ลูกทั้งสามคนที่เหลือต่างก็เริ่มแสดงอาการเดียวกันเมื่อย่างเข้าสู่วัย 12–13 ปี ท่ามกลางความสับสนและเจ็บปวด คุณยายสงวนพยายามดิ้นรนหาทางรักษาให้ลูกๆ จนทรัพย์สินหมดสิ้น

คุณตาซึ่งเป็นเสาหลักของบ้าน ลาออกจากงานมาดูแลลูกด้วยความรัก แต่ความเครียดที่สั่งสมค่อยๆ บั่นทอนจิตใจ จนสุดท้ายกลายเป็นผู้ติดสุราและเสียชีวิตจากไป ทิ้งคุณยายสงวนให้เป็นผู้อยู่ดูแลทั้งครอบครัวเพียงลำพัง เธอรับจ้างเก็บขวดและทำงานหนักเพื่อส่งเสียลูกๆ ให้ได้เรียนจนจบ แม้ลูกทั้งสามคนจะแยกย้ายไปมีครอบครัว แต่ด้วยโรคประจำตัวที่ไม่อาจหลุดพ้นได้ ทำให้ภาระสุดท้ายกลับมาตกอยู่ที่เธออีกครั้ง คือการเลี้ยงดูหลาน

หลานชายคนหนึ่งพ่ายแพ้ต่อสภาพแวดล้อมที่กดดัน หันหน้าเข้าสู่วังวนของยาเสพติด ความหวังทั้งหมดจึงตกอยู่กับคุณยายสงวนและน้องพอใจ เด็กหญิงตัวเล็กๆ ผู้เป็นหลานสาวของเธอ น้องพอใจนอกจากจะช่วยร้องเพลงและขายของออนไลน์เคียงข้างคุณแม่เกษ หนึ่งในลูกสาวที่ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงแล้ว เธอยังทำงานบ้าน ดูแลสมาชิกในบ้านด้วยความเสียสละเกินวัย ในขณะที่คุณเกษแม้จะป่วย แต่ก็ไม่ยอมอยู่นิ่ง พยายามไลฟ์สดขายของเพื่อหารายได้มาแบ่งเบาภาระแม่

ALLWELL เห็นถึงหัวใจที่ไม่เคยหมดหวังและการต่อสู้ที่ไม่ยอมแพ้ของครอบครัวนี้ จึงขอร่วมส่งกำลังใจและสนับสนุนการใช้ชีวิตประจำวันให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการมอบรถเข็นวีลแชร์ไฟฟ้า ให้กับคุณแม่เกษ ซึ่งยังสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวด้วยมือได้ เพื่อให้สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้สะดวกขึ้น พร้อมมอบรถเข็นวีลแชร์แบบ Manual ให้กับลูกสาวอีกคนที่ป่วยเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรงขั้นรุนแรงจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เอง และสุดท้าย ALLWELL ขอมอบเครื่องวัดความดันโลหิต ให้ครอบครัวของคุณยายสงวนได้ใช้ดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การต่อสู้ในทุกวันมีพลังจากสุขภาพที่แข็งแรง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Website ของเรามีการเก็บ cookies เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ คุณสามารถเลือกตั้งค่าความยินยอมการใช้คุกกี้ได้ โดยคลิก "การตั้งค่าคุกกี้" ... อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายคุกกี้

Close Popup