คู่มือการใช้งานเครื่องดูดเสมหะ รุ่น Hospivac400
ลงทะเบียนรับประกันสินค้าออนไลน์ ที่นี่
ส่วนประกอบของเครื่อง
- ขวดเก็บเสมหะ
- ข้อต่อสายดูดเสมหะ
- สายซิลิโคนเส้นสั้น
- สายซิลิโคนเส้นยาว
- Water Trap
ขั้นตอนการใช้งานเครื่องดูดเสมหะ

*โหมดทำงานต่อเนื่อง และปุ่มกดให้เครื่องทำงาน เป็นการใช้งานร่วมกับ Foot Switch
โดยเมื่อกด Foot Switch เครื่องทำงาน และเมื่อปล่อย Foot Switch เครื่องหยุดทำงาน
![]() |
1. ต่อสายยางซิลิโคนเส้นสั้น 2 เส้น เข้ากับตัวเครื่อง (1) ทั้ง 2 ด้าน และปลายสายยางเส้นสั้นอีกด้านต่อเข้ากับกระบอกกันล้น (Water Trap) ช่องที่มีลูกลอย กันล้น (2) |
![]() |
2. ต่อสายซิลิโคนเส้นสั้นที่เหลืออีก 2 เส้นเข้ากับกระบอกกันล้น (Water Trap) ช่องที่ไม่มีลูกลอยกันล้น (3) ทั้ง 2 ด้าน และต่อปลายสายเส้นสั้นที่เหลือเข้ากับฝาขวดที่เขียนว่า VACUUM หรือที่ใต้ฝาขวดด้านที่มีลูกลอยกันล้น (4) |
![]() |
3. ต่อสายซิลิโคนเส้นยาวเข้ากับฝาขวดเก็บเสมหะด้านที่เขียนว่า PATIENT (5) ทั้ง 2 ขวด และปลายอีกด้านต่อเข้ากับข้อต่อสายดูดเสมหะ (6) |
![]() |
4. ต่อสายไฟเข้ากับไฟ 220 โวลต์ บริเวณด้านหลังเครื่อง กดปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง 1 ครั้ง ไฟเขียวกะพริบอยู่ในสภาวะพร้อมใช้งาน |
![]() |
5. กดปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง (A) 1 ครั้ง ไฟเขียวที่ปุ่มเปิด-ปิดเครื่องจะติดค้าง แสดงว่าเครื่องทำงานปกติ และ เมื่อต้องการปิดเครื่องให้กดปุ่มเปิด-ปิดเครื่องอีก 1 ครั้ง เครื่องจะหยุดทำงาน |
![]() |
6. กดเลือกขวดที่จะทำการดูดเสมหะ (B) หรือของเหลว (เลือกได้ทีละขวด) ปรับแรงดูด (C) ตามความเหมาะสม โดยแนะนำให้เริ่มปรับไว้ที่ต่ำสุดก่อนแล้วค่อย ๆ เริ่มเพิ่มแรงดูดขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากตัวเครื่องมีแรงดูดสูง อาจจะทำให้เกิดอันตรายในการใช้งานกับผู้ป่วยได้ ในกรณีที่ใช้อัตราการดูดไม่เหมาะสม |
ข้อควรระวัง
![]() |
เมื่อปริมาณน้ำเสมหะถึง 80 % ของความจุของขวดเก็บเสมหะ ลูกลอยที่อยู่ใต้ฝาขวด จะลอยขึ้นไปปิดไม่ให้น้ำเสมหะไหลเข้าไปในตัวเครื่อง และในระหว่างการใช้งานเครื่อง ควรตั้งเครื่องดูดเสมหะให้อยู่ในแนวระนาบ |
วิธีการทำความสะอาดอุปกรณ์
* ควรใส่ถุงมือยางก่อนทำความสะอาดอุปกรณ์
- หมุนฝาขวดเก็บเสมหะ ในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา เสร็จแล้วเปิดฝาออก
- ถอดที่ใส่ลูกลอยสำหรับกันน้ำล้น ซึ่งอยู่ใต้ฝาขวดเก็บเสมหะออก และนำลูกลอยออก
- ใช้แอลกอฮอล์ หรือใช้น้ำยาโซเดียมไฮโปรคลอไรด์ ในการล้างทำความสะอาดอุปกรณ์
- จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดแล้วผึ่งลมให้แห้ง และประกอบลูกลอยกลับเข้าที่เดิม
- เพื่อความสะดวกในการทำความสะอาดขวด ควรใส่น้ำสะอาดลงไปในขวดประมาณ 1 ใน 3 ของความจุของขวดเก็บเสมหะ ก่อนที่จะมีการใช้เครื่องดูดเสมหะกับผู้ป่วย
- ขวดและฝาขวดเก็บเสมหะ สามารถฆ่าเชื้อโรคด้วยวิธี Autoclave ที่อุณหภูมิ 121 องศาเซลเซียส(แรงดันที่ใช้ 1 bar) ได้ หลังจากทำการฆ่าเชื้อโดยวิธี Autoclave แล้วให้ตรวจสอบขวด และฝาขวดเก็บเสมหะว่ามีรอยชำรุดเสียหายหรือไม่ หากเกิดความเสียหายให้เปลี่ยนใหม่ทันที
- สายยางซิลิโคน และข้อต่อสายดูดเสมหะของเครื่องดูดเสมหะ สามารถฆ่าเชื้อโรคโดยวิธี Autoclave ที่อุณหภูมิ 121 องศาเซลเซียสได้เหมือนกัน
- อุปกรณ์ต่าง ๆ ของเครื่องดูดเสมหะ สามารถฆ่าเชื้อได้โดยใช้แอลกอฮอล์หรือน้ำยาโซเดียมไฮโปรคลอไรด์ได้
คำเตือน : ห้ามนำตัวกรองเชื้อแบคทีเรีย ไปล้างหรือไปทำความสะอาด โดยวิธี Autoclave
การแก้ไขอาการเสียเบื้องต้น
- เมื่อระบบป้องกันน้ำล้นทำงาน (ลูกลอยกันน้ำล้นที่อยู่ใต้ฝาปิดสนิท) เครื่องจะไม่สามารถดูดเสมหะได้ (โดยสังเกตที่เกจวัดแรงดูดของเครื่องจะอยู่ที่มากกว่าหรือเท่ากับ -0.80bar ในกรณีที่ปรับแรงดูดสูงสุด) ถ้าระบบป้องกันน้ำล้นไม่ทำงาน (ลูกลอยกันน้ำล้นที่อยู่ใต้ฝาปิดไม่สนิท) จะเกิดเหตุการณ์ดังนี้
- น้ำเสมหะจะถูกกั้นไว้โดยตัวกรองเชื้อแบคทีเรีย เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเสมหะเข้าสู่ตัวเครื่องดูดเสมหะ
- หากตัวกรองเชื้อแบคทีเรียไม่สามารถป้องกันน้ำเสมหะได้ น้ำเสมหะจะไหลเข้าสู่ตัวเครื่องดูดเสมหะ