คู่มือการใช้งานเครื่องดูดเสมหะ รุ่น Askir30
ลงทะเบียนรับประกันสินค้าออนไลน์ ที่นี่ส่วนประกอบของเครื่อง

อุปกรณ์ประกอบของเครื่องดูดเสมหะ

1. ขวดดูดเสมหะ
2. ข้อต่อสายดูดเสมหะ
3. สายซิลิโคน
4. สายดูดเสมหะ
5. ตัวกรองเชื้อแบคทีเรีย
ตัวกรองเชื้อแบคทีเรีย
ทำจากวัสดุที่สามารถป้องกันน้ำเสมหะได้ มีไว้สำหรับป้องกันเชื้อแบคทีเรีย และป้องกันน้ำเสมหะไม่ให้เข้าไปในตัวเครื่อง หากสีของตัวกรองเชื้อแบคทีเรียเปลี่ยนไป หรือมีน้ำเสมหะเข้าไป ให้ทำการเปลี่ยนชิ้นใหม่ทันที เมื่อใช้งานสายดูดเสมหะเสร็จแล้วควรนำไปทิ้ง และเปลี่ยนเส้นใหม่เมื่อจะดูดเสมหะครั้งต่อไป
คำเตือน: ห้ามใช้เครื่องดูดเสมหะ เมื่อไม่ได้ต่อตัวกรองเชื้อแบคทีเรีย

ขั้นตอนการต่อสายซิลิโคน
ในระหว่างการใช้งานเครื่อง ควรตั้งเครื่องดูดเสมหะให้อยู่ในแนวระนาบ
1. ต่อสายยางซิลิโคนเส้นสั้นเข้ากับตัวเครื่อง (1) ปลายที่เหลืออีกด้านหนึ่งต่อเข้ากับตัวกรองเชื้อแบคทีเรีย (2) ด้านที่ไม่มีตัวหนังสือ
2. ต่อสายซิลิโคนเส้นสั้นอีกเส้นหนึ่งเข้ากับตัวกรองเชื้อแบคทีเรียด้าน (3) ที่มีตัวหนังสือที่เขียนว่า IN อีกด้านต่อเข้ากับขวดดูดเสมหะ (4)

3. ปลายที่เหลืออีกด้านหนึ่งต่อเข้ากับฝาขวดเก็บเสมหะด้านที่มีลูกลอยกันน้ำล้น (a)
4. ฝาขวดจะเหลือช่องอีก 1 ช่อง เป็นด้านที่ไม่มีลูกลอยกันน้ำล้น (c) ให้นำสายซิลิโคนเส้นยาวมาต่อ
จากนั้นนำปลายสายซิลิโคนเส้นยาวอีกด้าน ต่อเข้า กับข้อต่อสายดูดเสมหะ (b) ส่วนปลายข้อต่อสายดูด เสมหะอีกด้านหนึ่ง ให้ต่อเข้ากับสายดูดเสมหะ ที่ สอดเข้าไปดูดเสมหะในลำคอผู้ป่วย

5. เสียบสายไฟเข้ากับตัวเครื่อง และเสียบปลั๊กไฟ เข้าเต้ารับของไฟบ้าน (ไฟฟ้า220V/50Hz)
6. กดสวิตช์ไปที่ตำแหน่ง (1) เพื่อให้เครื่องเริ่ม ทำงาน
7. ปรับแรงดูดให้อยู่ที่ประมาณ -0.2 ถึง 0.4 bar โดยใช้มืออุดที่ข้อต่อสายดูดเสมหะปลายสายซิลิโคน เส้นยาว
การทำความสะอาดอุปกรณ์
1. หมุนฝาขวดเก็บเสมหะในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา แล้วเปิดฝาออก ถอดลูกลอยสำหรับกันน้ำล้น (1) (ตัวสีแดง) ซึ่งอยู่ใต้ฝาขวดเก็บเสมหะออกจากนั้นใช้แอลกอฮอล์ หรือใช้น้ำยาโซเดียมไฮโปร-คลอไรด์ในการล้างทำความสะอาดอุปกรณ์
2. ล้างด้วยน้ำสะอาดแล้วผึ่งลมให้แห้ง (ห้ามตากแดด) และประกอบลูกลอยกลับ เข้าที่เดิม
3. เพื่อความสะดวกในการทำความสะอาดขวดเก็บเสมหะ ควรดูดน้ำสะอาดลงไปในขวดเก็บเสมหะประมาณ 1 แก้ว ก่อนที่จะมีการใช้เครื่องดูดเสมหะกับผู้ป่วย
ขวดและฝาขวดเก็บเสมหะสามารถฆ่าเชื้อโรคด้วยวิธี Autoclave ที่อุณหภูมิ 121 องศาเซลเซียส (แรงดันที่ใช้ 1 bar) ได้ หลังจากทำการฆ่าเชื้อโดยวิธี Autoclave แล้ว ให้ตรวจสอบขวดและฝาขวดเก็บเสมหะ ว่ามีรอยชำรุดเสียหายหรือไม่ หากเกิดความเสียหายให้เปลี่ยนใหม่ทันที สำหรับสายซิลิโคน และข้อต่อสายดูดเสมหะของเครื่องดูดเสมหะสามารถฆ่าเชื้อโรคโดยวิธี Autoclave ที่อุณหภูมิ 121 องศาเซลเซียส ได้เช่นเดียวกัน
คำเตือน: ห้ามนำตัวกรองเชื้อแบคทีเรียไปล้างน้ำทำความสะอาด หรือไปทำความสะอาดโดยวิธี Autoclave

ข้อควรระวังในการใช้งาน
1. เมื่อเสร็จสิ้นการดูดเสมหะแล้ว ให้กดสวิตช์มาที่ตำแหน่ง O เครื่องจะหยุดการทำงาน จากนั้นให้ถอดปลั๊กออกจากเต้ารับของไฟบ้าน และถอดอุปกรณ์ต่าง ๆ ออกจากเครื่องดูดเสมหะ นำเสมหะไปเททิ้ง แล้วทำความสะอาดอุปกรณ์ตามวิธีข้างต้น
2. ก่อน และหลังการดูดเสมหะควรดูดน้ำสะอาดลงไปในขวดประมาณ 1 แก้ว (เพื่อสะดวกในการทำความสะอาดขวดและสายดูดเสมหะ)
3. เมื่อดูดเสมหะไม่ควรดูดเสมหะเกินครึ่งขวด เนื่องจากในน้ำเสมหะอาจจะมีฟองน้ำลาย ทำให้ฟองเหล่านี้อาจเข้าไปยังตัวกรองเชื้อแบคทีเรีย และต้องเปลี่ยนตัวกรองเชื้อแบคทีเรียบ่อย ๆ นอกจากนี้ยังเป็นการป้องกันการสะสมของเชื้อโรค ที่อาจทำอันตรายกับผู้ป่วยด้วย


การบำรุงรักษาเบื้องต้น
- เครื่องดูดเสมหะ ASKIR 30 ไม่จำเป็นต้องหล่อลื่นส่วนต่าง ๆ ของเครื่อง เพียงแต่ก่อนการใช้เครื่องให้ตรวจสอบการทำงาน และสภาพเครื่องว่ามีความชำรุดเสียหายหรือไม่
- ก่อนเริ่มใช้งานให้ตรวจสอบทุก ๆ ส่วนที่เป็นพลาสติกก่อน ว่ามีรอยแตก หรือมีการชำรุดเสียหายหรือไม่ จากนั้นให้ตรวจสายซิลิโคนว่ามีรอยฉีกขาด หรือมีรูรั่วหรือไม่ ก่อนที่จะเสียบปลั๊กไฟของเครื่องเข้ากับเต้ารับของไฟบ้าน (ไฟฟ้า220V/50Hz)
การแก้ไขเบื้องต้น

เมื่อระบบป้องกันน้ำล้นทำงาน (ลูกลอยกันน้ำล้นที่อยู่ใต้ฝาปิดสนิท) เครื่องจะไม่สามารถดูดเสมหะได้
ถ้าระบบป้องกันน้ำล้นไม่ทำงาน (ลูกลอยกันน้ำล้นที่อยู่ใต้ฝาปิดไม่สนิท) จะเกิดเหตุการณ์ดังนี้ คือ น้ำเสมหะจะถูกกั้นไว้โดยตัวกรองเชื้อแบคทีเรีย เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเสมหะเข้าสู่ตัวเครื่องดูดเสมหะ